นายกสมาคมโรงสี ชี้ ข้าวหอมมะลิ-ข้าวเหนียว โอกาสราคาสูงทรงตัวยาวครึ่งปี
นายกสมาคมโรงสี ชี้ ข้าวหอมมะลิ-ข้าวเหนียว โอกาสราคาสูงทรงตัวยาวครึ่งปี จนกว่าผลผลิตนาปรัง ในปี 2565 จะออกสู่ตลาด
17 ม.ค. 2565 – นายวิชัย ศรีนวกุลนายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเจ้าของโรงสีเจริญผล เปิดเผยว่า การที่ราคาข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว ปรับขึ้น เป็นไปตามอุปสงค์อุปทานของตลาด ผลจากผลผลิตข้าวเปลือกนาปี 2564/65 น้อยกว่าคาดการณ์ประมาณ 30% ขณะที่การส่งออกปลายปีดีขึ้น จากผู้นำเข้าทั่วโลกสต็อกข้าวไว้จำหน่ายในเทศกาลปีใหม่ถึงตรุษจีน แต่โรงสีหาซื้อข้าวเพื่อป้อนผู้ส่งออกได้น้อยกว่าปกติ 40% เมื่อความต้องการสูงการให้ราคาสูงขึ้นจึงเกิดขึ้นเร็ว และมีแนวโน้มว่าข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวจะยังทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง 5-6 เดือน จนกว่าผลผลิตนาปรัง 2565 จะออกสู่ตลาดซึ่งก็ต้องประเมินว่าผลผลิตจะมากขึ้นแค่ไหน
ตอนนี้ชาวนามีทางเลือก ทั้งจากโครงการประกันรายได้ และมาตรการรัฐสนับสนุนการเก็บข้าวไว้ในยุ่งฉางเพื่อทยอยขาย จึงส่งผลต่อปริมาณข้าวออกสู่ตลาดน้อยลงบ้างช่วง แต่ราคาข้าวที่สูงขึ้นครั้งนี้ ยังไม่ได้สูงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลายปีก่อน แต่ถือว่าดีขึ้นในรอบ 2-3 ปี จากภาวะราคาตกต่ำ เนื่องจากการเกิดระบาดโควิด จนออกมาตรการล็อกดาวน์ กระทบยอดบริโภคหายไปมาก
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ระยะสั้นแนวโน้มราคาข้าวหอมมะลิ อาจสูงใกล้เคียงราคาประกันรายได้ หรือประมาณ 1.4 หมื่นบาท/ตัน จากเดือน พ.ย. อยู่ที่ 1.25 หมื่นบาท/ตัน โดยราคาข้าวสารหอมที่ผู้ส่งออกยอมซื้อประมาณ 23-25 บาท/กก. เทียบราคาส่งออกข้าวหอมประมาณ 800 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนข้าวหอมมะลิบรรจุถุงในประเทศ ต้นข้าวบวกค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 30 บาท/กก.
ส่วนข้าวเหนียวราคาใกล้เคียงกันน่าจะอยู่ที่ 25-30 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าข้าวในประเทศเพียงพอ เพื่อบริโภคและส่วนเกินเพื่อส่งออก 6-7 ล้านตัน โดยผลผลิตข้าวเปลือกรวมทั้งปีนี้ ทั้งผลผลิตนาปีและนาปรังรวมประมาณ 30 ล้านตัน จึงเชื่อว่าราคาข้าวที่สูงขึ้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนเนื้อสัตว์หรือพืชชนิดอื่น ราคาขึ้นหรือลงเร็วในระยะสั้น ๆ เท่านั้น
อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6838579
17 ม.ค. 2565 – นายวิชัย ศรีนวกุลนายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเจ้าของโรงสีเจริญผล เปิดเผยว่า การที่ราคาข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว ปรับขึ้น เป็นไปตามอุปสงค์อุปทานของตลาด ผลจากผลผลิตข้าวเปลือกนาปี 2564/65 น้อยกว่าคาดการณ์ประมาณ 30% ขณะที่การส่งออกปลายปีดีขึ้น จากผู้นำเข้าทั่วโลกสต็อกข้าวไว้จำหน่ายในเทศกาลปีใหม่ถึงตรุษจีน แต่โรงสีหาซื้อข้าวเพื่อป้อนผู้ส่งออกได้น้อยกว่าปกติ 40% เมื่อความต้องการสูงการให้ราคาสูงขึ้นจึงเกิดขึ้นเร็ว และมีแนวโน้มว่าข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวจะยังทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง 5-6 เดือน จนกว่าผลผลิตนาปรัง 2565 จะออกสู่ตลาดซึ่งก็ต้องประเมินว่าผลผลิตจะมากขึ้นแค่ไหน
ตอนนี้ชาวนามีทางเลือก ทั้งจากโครงการประกันรายได้ และมาตรการรัฐสนับสนุนการเก็บข้าวไว้ในยุ่งฉางเพื่อทยอยขาย จึงส่งผลต่อปริมาณข้าวออกสู่ตลาดน้อยลงบ้างช่วง แต่ราคาข้าวที่สูงขึ้นครั้งนี้ ยังไม่ได้สูงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลายปีก่อน แต่ถือว่าดีขึ้นในรอบ 2-3 ปี จากภาวะราคาตกต่ำ เนื่องจากการเกิดระบาดโควิด จนออกมาตรการล็อกดาวน์ กระทบยอดบริโภคหายไปมาก
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ระยะสั้นแนวโน้มราคาข้าวหอมมะลิ อาจสูงใกล้เคียงราคาประกันรายได้ หรือประมาณ 1.4 หมื่นบาท/ตัน จากเดือน พ.ย. อยู่ที่ 1.25 หมื่นบาท/ตัน โดยราคาข้าวสารหอมที่ผู้ส่งออกยอมซื้อประมาณ 23-25 บาท/กก. เทียบราคาส่งออกข้าวหอมประมาณ 800 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนข้าวหอมมะลิบรรจุถุงในประเทศ ต้นข้าวบวกค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 30 บาท/กก.
ส่วนข้าวเหนียวราคาใกล้เคียงกันน่าจะอยู่ที่ 25-30 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าข้าวในประเทศเพียงพอ เพื่อบริโภคและส่วนเกินเพื่อส่งออก 6-7 ล้านตัน โดยผลผลิตข้าวเปลือกรวมทั้งปีนี้ ทั้งผลผลิตนาปีและนาปรังรวมประมาณ 30 ล้านตัน จึงเชื่อว่าราคาข้าวที่สูงขึ้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนเนื้อสัตว์หรือพืชชนิดอื่น ราคาขึ้นหรือลงเร็วในระยะสั้น ๆ เท่านั้น
อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6838579